ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เร่งติดตามการดำเนินงานกองทุนพัฒนาอาชีพและสังคมทีทีเอ็มฯ
ข่าว ปสุตา แก้วมณี สงขลา / ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เร่งติดตามการดำเนินงานกองทุนพัฒนาอาชีพและสังคมทีทีเอ็ม โครงการแยกก๊าซและท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ไทย-มาเลเซีย เพื่อลดปัญหาการชุมนุมประท้วงและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ 5 อำเภอ
ที่โรงแรมราชมังคลา พาวีเลี่ยน บีช รีสอร์ท อ.เมือง จ.สงขลา วันนี้ (11 พ.ค. 55) นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาอาชีพและสังคมทีทีเอ็ม โครงการแยกก๊าซและท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 1/2555 เพื่อรับทราบผลการดำเนินงานกองทุนทีทีเอ็ม ประจำปี 2554 พื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.จะนะ อ.เทพา อ. นาหม่อม อ.หาดใหญ่ และ อ.สะเดา โดยผลการประชุมในครั้งนี้ กองทุนประมง อ. จะนะ และ อ.เทพา กองทุนนกเขาชวาอำเภอจะนะ ได้ส่งรายงานความสำเร็จครบทุกโครงการ ซึ่งสรุปผลการดำเนินงานกองทุนทีทีเอ็มประจำปี 2554 พื้นที่ 5 อำเภอ มีรายละเอียด คือ โครงการเพื่อการศึกษาของนักเรียน 42% โครงการเพื่อปรับปรุงก่อสร้าง 40% โครงการเพื่อเสริมสร้างประเพณีวัฒนธรรม 9% โครงการเพื่อส่งเสริมสุขภาพและสาธารณสุขชุมชน 5% โครงการเพื่อพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ 2 % และโครงการเพื่อสังคมสงเคราะห์ 2 % สำหรับรายงานความสำเร็จกองทุนพัฒนาสังคมประจำปี 2554 นั้น พบว่า มีหมู่บ้านที่ได้ส่งรายงานความสำเร็จจำนวน 165 หมู่บ้าน จากทั้งหมด 167 หมู่บ้าน คิดเป็น 99 เปอร์เซ็นต์ มีหมู่บ้านที่ยังไม่ได้ส่งรายงานความสำเร็จจำนวน 2 หมู่บ้าน ได้แก่ ม.11 ต.จะโหนง อ.จะนะ และ ม.6 ต.สำนักแต้ว อ.สะเดา ซึ่งทีทีเอ็มได้มีการติดตามและได้แจ้งถึงกำหนดเวลาในการส่งรายงานเป็นจำนวนหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่ได้รับรายงานส่งกลับมา ด้านนายกฤษฏา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ขอให้กองทุนพัฒนาอาชีพและสังคมทีทีเอ็ม ฯ ได้รายงานศึกษาผลกระทบเพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามแนวทางพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งปรับปรุงระเบียบกองทุน 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนพัฒนาสังคม กองทุนนกเขาชวา และกองทุนประมงพื้นบ้าน เพื่อกำหนดแนวทางการจัดสรรเงินกองทุนลงพื้นที่อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม และเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการเสนอโครงการและเข้าร่วมโครงการให้มากที่สุด เพื่อลดปัญหาการชุมนุมประท้วงและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป