วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เร่งติดตามการดำเนินงานกองทุนพัฒนาอาชีพและสังคมทีทีเอ็มฯ

ข่าว ปสุตา แก้วมณี สงขลา / ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา  เร่งติดตามการดำเนินงานกองทุนพัฒนาอาชีพและสังคมทีทีเอ็ม  โครงการแยกก๊าซและท่อส่งก๊าซธรรมชาติ  ไทย-มาเลเซีย  เพื่อลดปัญหาการชุมนุมประท้วงและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่  5  อำเภอ

ที่โรงแรมราชมังคลา  พาวีเลี่ยน  บีช  รีสอร์ท  อ.เมือง  จ.สงขลา  วันนี้ (11 พ.ค. 55)  นายกฤษฎา  บุญราช  ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา  เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาอาชีพและสังคมทีทีเอ็ม  โครงการแยกก๊าซและท่อส่งก๊าซธรรมชาติ  ไทย-มาเลเซีย  ครั้งที่  1/2555  เพื่อรับทราบผลการดำเนินงานกองทุนทีทีเอ็ม  ประจำปี  2554  พื้นที่  5  อำเภอ  ได้แก่  อ.จะนะ  อ.เทพา   อ.  นาหม่อม  อ.หาดใหญ่  และ  อ.สะเดา  โดยผลการประชุมในครั้งนี้  กองทุนประมง  อ. จะนะ และ อ.เทพา  กองทุนนกเขาชวาอำเภอจะนะ  ได้ส่งรายงานความสำเร็จครบทุกโครงการ  ซึ่งสรุปผลการดำเนินงานกองทุนทีทีเอ็มประจำปี  2554   พื้นที่  5  อำเภอ  มีรายละเอียด  คือ  โครงการเพื่อการศึกษาของนักเรียน   42โครงการเพื่อปรับปรุงก่อสร้าง  40 โครงการเพื่อเสริมสร้างประเพณีวัฒนธรรม  9 โครงการเพื่อส่งเสริมสุขภาพและสาธารณสุขชุมชน  5   โครงการเพื่อพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ  2 %  และโครงการเพื่อสังคมสงเคราะห์  2  สำหรับรายงานความสำเร็จกองทุนพัฒนาสังคมประจำปี  2554  นั้น  พบว่า  มีหมู่บ้านที่ได้ส่งรายงานความสำเร็จจำนวน  165  หมู่บ้าน  จากทั้งหมด  167  หมู่บ้าน  คิดเป็น  99  เปอร์เซ็นต์  มีหมู่บ้านที่ยังไม่ได้ส่งรายงานความสำเร็จจำนวน  2  หมู่บ้าน ได้แก่  ม.11  ต.จะโหนง  อ.จะนะ  และ  ม.6  ต.สำนักแต้ว  อ.สะเดา   ซึ่งทีทีเอ็มได้มีการติดตามและได้แจ้งถึงกำหนดเวลาในการส่งรายงานเป็นจำนวนหลายครั้งแล้ว  แต่ยังไม่ได้รับรายงานส่งกลับมา ด้านนายกฤษฏา  บุญราช  ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา  กล่าวว่า  ขอให้กองทุนพัฒนาอาชีพและสังคมทีทีเอ็ม ฯ  ได้รายงานศึกษาผลกระทบเพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามแนวทางพัฒนาอย่างยั่งยืน    พร้อมทั้งปรับปรุงระเบียบกองทุน  3  กองทุน  ประกอบด้วย  กองทุนพัฒนาสังคม  กองทุนนกเขาชวา  และกองทุนประมงพื้นบ้าน   เพื่อกำหนดแนวทางการจัดสรรเงินกองทุนลงพื้นที่อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม  และเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการเสนอโครงการและเข้าร่วมโครงการให้มากที่สุด   เพื่อลดปัญหาการชุมนุมประท้วงและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป