วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555

สธ.สงขลา รณรงค์สัปดาห์ป้องกันการคลอดก่อนกำหนด

ข่าว Pstitch สงขลา / สธ.สงขลา รณรงค์สัปดาห์ป้องกันการคลอดก่อนกำหนด

ปัญหาภาวะคลอดก่อนกำหนดเป็นปัญหาระดับประเทศที่มีผลกระทบต่อครอบครัว เศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างมาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเล็งเห็นความสำคัญของการป้องกันมารดา มิให้เกิดภาวะคลอดก่อนกำหนด และทรงมีพระราชดำริให้จัด "สัปดาห์เพื่อการรณรงค์ และป้องกันภาวะคลอดก่อนกำหนด" ขึ้นระหว่างวันที่ 23 – 29 เมษายนของทุกปี พร้อมกัน ทั่วประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้สตรีตั้งครรภ์ และประชาชนตระหนักในความสำคัญของ การป้องกันภาวะคลอดก่อนกำหนด นายแพทย์ศิริชัย ลีวรรณนภาใส นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า สตรีตั้งครรภ์เมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์ก็ต้องไปฝากครรภ์ทันที การฝากครรภ์ที่ดีและเหมาะสม คือ ฝากครรภ์ขณะอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ หรือ 3 เดือน เพราะในระยะ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ จะสามารถตรวจหาความเสี่ยงหรือความผิดปกติของโรคบางอย่างที่อาจเป็นอันตรายต่อแม่และลูกได้เร็ว การตรวจพบเร็วสามารถป้องกัน ลดความรุนแรง และอันตรายได้ เช่น โรคทางพันธุกรรม โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เอดส์ และในระยะตั้งครรภ์ 3 เดือนแรกนี้ เป็นระยะสร้างเซลล์สมองของลูก แม่จะได้รับยาเม็ดเสริมสร้างไอโอดีน เหล็ก และโฟเลท พร้อมทั้งคำแนะนำในการปฏิบัติตัวระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งจะเป็นผลดีในการส่งเสริมสุขภาพของแม่และทารกในครรภ์ และป้องกันการคลอดก่อนกำหนด นายแพทย์ศิริชัย ลีวรรณนภาใส ได้กล่าวย้ำว่า เมื่อไปฝากครรภ์แล้วก็ต้องไปตรวจครรภ์ตามแพทย์นัดทุกครั้งและคลอดที่โรงพยาบาล คุณแม่ที่อยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เกิดภาวะความดันโลหิตสูง เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ ในขณะตั้งครรภ์ และแม่ที่ตั้งครรภ์อายุน้อยกว่า 20 ปี หรืออายุมากกว่า 35 ปี ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และสตรีตั้งครรภ์ทุกคนต้องดูแลครรภ์อย่างเหมาะสม เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่อาจจะเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ สังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้น และรีบไปพบแพทย์ก็มีส่วนช่วยป้องกันการคลอดก่อนกำหนด ดังนั้น ในช่วงสัปดาห์รณรงค์ป้องกันการคลอดก่อนกำหนดของสตรีตั้งครรภ์ โรงพยาบาลทุกแห่งได้มีการจัดนิทรรศการให้ความรู้การป้องกันการคลอดก่อนกำหนด และ ขอเชิญชวนสตรีที่ไปฝากครรภ์ ตรวจครรภ์ตามนัด โดยขอรับคำปรึกษาได้ที่โรงพยาบาล และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุกแห่ง